ย่านวังหลัง
วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2555
วันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2555
แผนงานหนังสั้น :: ย้อนรอยวังหลัง
จุดประสงค์
1. เพื่อสื่อถึงอัตลักษณ์ของพื้นที่ตั้งแต่ในอดีตจนกระทั่งปัจจุบัน
2. ศึกษาถึงจุดประสงค์ของการใช้พื้นที่ของผู้คนที่เข้าไปใช้งาน
ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงไปจากอดีต และมีการสะท้อนออกมาผ่านการวางผังและภูมิสถาปัตยกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างไร
รูปแบบของสื่อ
การเล่าเรื่องจะมีการแทรกเรื่องราว
และประวัติศาสตร์ของพื้นที่เข้าไป ผ่านตัวละครที่อยู่ภายนอกรั้วกำแพง
ซึ่งมีการมองเห็นความเป็นมาเป็นไปของการใช้พื้นที่ พฤติกรรมของผู้ใช้พื้นที่
รวมทั้งการเปลี่ยนไปของพื้นที่มาโดยตลอด ตัวละครจะเป็นผู้ดำเนินเรื่อง
และบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ตนได้พบเจอในตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา โดยจะรวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์ของพื้นที่ภายในเนื้อเรื่องไว้ดังนี้
ในสมัยกรุงรัตยโกสินทร์มีการแบ่งการปกครองภายในพระนครออกเป็น 3 ส่วนสำคัญ คือ
วังหลวง : มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และมีอำนาจสูงสุดในแผ่นดิน
วังหน้า : มีกรมพระราชวังบวรสถานมงคลเป็นประมุข
และมีอำนาจรองจากพระมหากษัตริย์
วังหลัง : มีกรมพระราชวังบวรสถานภิมุขเป็นประมุข
สองตำแน่งแรก
คือวังหลวงและวังหน้านั้นเป็นที่รู้จักและคุ้นเคย เพราะสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
ปรากฎพระบรมวงศสนุวงศ์ทรงดำรงตำแหน่งวังหลังเพียงค์องค์เดียว
ทำให้เรื่องราววังหลังค่อยๆ เลือนหายไป
สมเด็กกรมพระยาดำรงราชานุภาพสันนิษฐานว่า
ตำแหน่งวังหลังมีการสถาปนาครั้งแรกสมัยกรุงศรีอยุธยา
ในรัชกาลสมเด็จพระมหาธรรมราชาโดยใช้รูปแบบการจัดวังที่ประทับเป็นชื่อแรก
ให้วังหลวงรักษาพระนครทางเหนือ วังหน้ารักษาพระนครทางะวันออก และวังหลังรักษาทางตะวันตก
ตำแน่งวังหลังมีการสถาปนาต่อมาอีกหลายพระองค์
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระอนุรักษ์เทเวศร์ได้ประกอบความดีความชอบในพระราชสงครามหลายครั้ง
โดยเฉพาะสงครามเก้าทัพ จึงโปรดเกล้าให้สถาปนาสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระอนุรักษ์เทเวศร์ขึ้นเป็น กรมพระราชวังบวรสถานภิมุข
และประทับ ณ พระราชวังหลังบริเวณตำบลลิ้นจี่ ฝั่งธนบุรี
ปัจจุบันคือบริเวณโรงพยาบาลศิริราช และชุมชนแถบวัดระฆังโฆสิตาราม
ต่อมาพระกรมพระบวรสถานภิมุขทิวงคต
ในปี พ.ศ. 2349 นับแต่นั้นมาไม่มีการสถาปนาตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานภิมุขหรือวังหลังอีกเลยตราบจนปัจจุบัน
วังหลังในปัจจุบัน
แทบไม่เหลือเค้าความเป็นวังอยู่เลย ที่เหลืออยู่คงเป็นเพียงชื่อท่า “วังหลัง” เท่านั้นเอง เมื่อข้ามฟากมาถึงแล้ว บริเวณนี้จัดว่าเป็นแหล่งช้อปปิ้งอีกแหล่งของกรุงเทพฯ
มีสินค้าต่างๆ ขายมากมาย โดยเฉพาะในวันพุธ ที่ตรอกวังหลังจะมีตลาดนัด คนชอบของมือสองไม่ควรพลาด
รวมไปถึงของอาหารการกิน
รอยอดีตที่มาชื่อวังหลัง ประจักษ์พยานเหลือแค่กำแพงวัง พระราชวังบวรสถานพิมุข หรือ "วังหลัง" องค์เดียวและองค์สุดท้ายในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ตำแหน่งสำคัญที่จะได้ครองราชย์เป็นลำดับที่
3 ต่อจากกษัตริย์รองจากกรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรือ "วังหน้า" รับหน้าที่กำลังสำคัญป้องกันพระนครทางฝั่งตะวันตก จากประวัติศาสตร์หน้าสุดท้ายตำแหน่งวังหลัง ที่นี่ยังเป็นจุดเริ่มต้นการสาธารณสุขแห่งแรกของไทย
รพ.วังหลัง หรือ รพ.ศิริราช ที่สร้างสมัยร.5
ในที่ของวัง ทั้งเป็นที่ตั้งโรงเรียนสตรีแห่งแรกของไทย
"กุลสตรีวังหลัง" อีกทั้งเป็นที่เกิดของกวีเอกบุคคลสำคัญของโลก
"สุนทรภู่" ทั้งวัดระฆังโฆสิตารามฯ วัดเก่าแก่แต่สมัยอยุธยา เป็นที่รู้จักแต่อดีตถึงปัจจุบันด้วยสมเด็จพระพุฒาจารย์โต
สรุป
: ตั้งแต่อดีตจนกระทั่งปัจจุบันเปลี่ยนจากสถานที่พักอาศัยของพระราชวงศ์
กลายเป็นสถานที่เที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ยังคงอัตลักษณ์ความเป็นไทยในอดีต
ถึงแม้พฤติกรรมการใช้พื่นที่จะมีการเปลี่ยนไป
อย่างไรก็ตามความเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ก็ยังคงอยู่ตราบจนปัจจุบัน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)